ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
3.1 แผ่นดินไหว
1.แผ่นดินไหวเกิดขึ้นได้อย่างไร

ศูนย์การเกิดแผ่นดินไหว
คลื่นความไหวสะเทือนเป็นผลจากกระบวนการเคลื่อนที่และแยกตัวของแผ่นธรณีภาค/แผ่นเปลือกโลก
ตำแหน่งที่กำเนิดคลื่น ความไหวสะเทือนใต้ผิวโลก เรียกว่าศูนย์การเกิดแผ่นดินไหว (focus)
โดยที่ตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือจุดโฟกัสเรียกว่าอีพิเซ็นเตอร์ (epicenter)
คลื่นความไหวสะเทือนที่ออกมาจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว
ศูนย์การเกิดแผ่นดินไหว
คลื่นความไหวสะเทือนเป็นผลจากกระบวนการเคลื่อนที่และแยกตัวของแผ่นธรณีภาค/แผ่นเปลือกโลก
ตำแหน่งที่กำเนิดคลื่น ความไหวสะเทือนใต้ผิวโลก เรียกว่าศูนย์การเกิดแผ่นดินไหว (focus) โดยที่ตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือจุดโฟกัสเรียกว่าอีพิเซ็นเตอร์
(epicenter) คลื่นความไหวสะเทือนที่ออกมาจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว
2.คลื่นไหวสะเทือน
1.คลื่นในตัวกลาง (Body
wave) เดินทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว
ผ่านเข้าไปในเนื้อโลกในทุกทิศทาง
ในลักษณะเช่นเดียวกับคลื่นเสียงซึ่งเดินทางผ่านอากาศในทุกทิศทาง คลื่นในตัวกลางมี 2 ชนิด ได้แก่ คลื่นปฐมภูมิ (P wave) และ คลื่นทุติยภูมิ (S wave)


2.คลื่นพื้นผิว (Surface wave) เดินทางจากจุดเหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว
(Epicenter) ไปทางบนพื้่นผิวโลก
ในลักษณะเดียวกับการโยนหินลงไปในน้ำแล้วเกิดระลอกคลื่นบนผิวน้ำ
คลื่นพื้นผิวเคลื่อนที่ช้ากว่าคลื่นในตัวกลาง คลื่นพื้นผิวมี 2 ชนิด คือ คลื่นเลิฟ
(L wave) และคลื่นเรย์ลี
(R wave)
คลื่นเลิฟ (L wave) เป็นคลื่นที่ทำให้อนุภาคของตัวกลางสั่นในแนวราบ
โดยมีทิศทางตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของคลื่น
สามารถทำให้ถนนขาดหรือแม่น้ำเปลี่ยนทิศทางการไหล
คลื่นเรย์ลี (R wave) เป็นคลื่นที่ทำให้อนุภาคตัวกลางสั่น
ม้วนตัวขึ้นลงเป็นรูปวงรี ในแนวดิ่ง
โดยมีทิศทางเดียวกับการเคลื่อนที่ของคลื่น
สามารถทำให้พื้นผิวแตกร้าว และเกิดเนินเขา
ทำให้อาคารที่ปลูกอยู่ด้านบนเกิดความเสียหาย
3.แนวแผ่นดินไหว
1.แนวรอยต่อที่เกิดล้อมรอบมหาสมุทรแปรซิฟิก เกิดแผ่นดินไหวค่อนข้างรุนแรง
80% ของการเกิดทั่วโลก เรียกวงแหวนไฟ
2.แนวรอยต่อภูเขาแอลป์ในยุโรปและภูเขาหิมาลัยในเอเชีย 15%
ของการเกิดทั่วโลก
3.แนวรอยต่อที่เหลืออีกร้อยละ 5 เกิดในแนวสันเขากลางมหาสมุทรต่างๆ
4.ขนาดและความรุนแรงของแผ่นดินไหว
มาตราเมอร์แคลลี่มีประโยชน์สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีเครื่องตรวจวัดความไหวสะเทือน
โดยการสำรวจพื้นที่่ ออกแบบสอบถาม
สัมภาษณ์ประชาชน
อันดับที่
|
ลักษณะความรุนแรงโดยเปรียบเทียบ
|
I
| เป็นอันดับที่อ่อนมาก ตรวจวัดโดยเครื่องมือ |
II
| พอรู้สึกได้สำหรับผู้ที่อยู่นิ่ง ๆ ในอาคารสูง ๆ |
III
| พอรู้สึกได้สำหรับผู้อยู่ในบ้าน แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึก |
IV
| ผู้อยู่ในบ้านรู้สึกว่าของในบ้านสั่นไหว |
V
| รู้สึกเกือบทุกคน ของในบ้านเริ่มแกว่งไกว |
VI
| รู้สึกได้กับทุกคนของหนักในบ้านเริ่มเคลื่อนไหว |
VII
| ทุกคนต่างตกใจ สิ่งก่อสร้างเริ่มปรากฎความเสียหาย |
VIII
| เสียหายค่อนข้างมากในอาคารธรรมดา |
IX
| สิ่งก่อสร้างที่ออกแบบไว้อย่างดี เสียหายมาก |
X
| อาคารพัง รางรถไฟบิดงอ |
XI
| อาคารสิ่งก่อสร้างพังทลายเกือบทั้งหมด ผิวโลกปูดนูนและเลื่อนเป็นคลื่นบน พื้นดินอ่อน |
XII
| ทำลายหมดทุกอย่าง มองเห็นเป็นคลื่นบนแผ่นดิน |
5.ประเทศไทยกับปรากฏการณ์แผ่นดินไหว
รอยเลื่อนมีพลังบริเวณประเทศไทย
1. รอยเลื่อนเชียงแสน
2. รอยเลื่อนแพร่
3. รอยเลื่อนแม่ทา
4. รอยเลื่อนเถิน
5. รอยเลื่อนเมย-อุทัยธานี
6. รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์
7. รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์
8. รอยเลื่อนระนอง
9. รอยเลื่อนคลองมะรุย
3.2 ภูเขาไฟ
1.เเนวภูเขาไฟ
เกิดเฉพาะที่เท่านั้น
ส่วนใหญ่เกิดในบริเวณที่แผ่นธรณีมาชนกัน โดยเฉพาะบริเวณวงแหวนไฟ
ซึ่งจะเคลื่อนที่ตลอดเวลาในรูปแบบที่ต่างกัน ทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิด
2.การระเบิดของภูเขาไฟ

แมกมาที่ขึ้นมาสู่ผิวโลกเรียกว่า ลาวา
ลาวาที่ออกมาสู่พื้นผิวโลกจะมีอุณหภูมิสูงถึง 1,200 องศาเซลเซียส ลาวาเป็นของเหลวหนืด
จึงไหลไปตามความลาดเอียงของพื้นที่
ในขณะเดียวกันถ้าลาวาที่ออกมานั้นมีไอน้ำและแก๊สเป็นองค์ประกอบ
แก๊สที่ออกมากับลาวาจะล่องลอยออกไปเป็นฟองอากาศแทรกตัวอยู่ในเนื้อลาวา
เมื่อลาวาเย็นลงจะแข็งตัวกลายเป็นหินที่มีรูอากาศเป็นช่องอยู่ภายในเรียกว่า
หินบะซอลต์ ถ้าลาวาไหลเป็นปริมาณมากและหนา
ผิวหน้าเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วในขณะที่ด้านล่างยังร้อนอยู่ จะเกิดแรงดึงบนผิว
ทำให้แตกออกเป็นแท่งจากบนไปล่าง เรียกว่า หินแท่งบะซอลต์ หรือเสาหินบะซอลต์
3.ผลของการระเบิดของภูเขาไฟที่มีผลต่อภูมิประเทศ
ภูเขาไฟเซ็นต์ เฮเลนส์-สหรัฐอเมริกา ก่อนระเบิด
ภูเขาไฟเซ็นต์ เฮเลนส์-สหรัฐอเมริกา หลังระเบิด
การระเบิด
ปะทุ ส่วนประกอบของแมกมา
จะทำให้ได้ภูเขาไฟที่มีรูปร่างต่างกัน
4.ภูเขาไฟในประเทศไทย
ภูเขาไฟดอยผาคอกหินฟู จังหวัดลําปาง
ประเทศไทยเคยมีการระเบิดของภูเขาไฟ
โดยมีหลักฐานจากหินภูเขาไฟ การระเบิดช่วงสุดท้าย
คาดว่าเป็นการระเเบิดแล้วเย็นตัวให้หินบะซอลต์อายุ1.8ล้านปี-10000ปี
5.โทษและประโยชน์จากภูเขาไฟ
โทษของภูเขาไฟ
เมื่อภูเขาไฟระเบิด จะส่งผลกระทบ ดังนี้
1.เกิดมีเขม่าควันและก๊าซบางชนิดซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตได้
2.การปะทุของภูเขาไฟอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้
3.ชีวิตและทรัพย์สินที่อยู่ใกล้เคียงเป็นอันตราย
4.สภาพภูมิอากาศเกิดการเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด
ประโชยน์ของภูเขาไฟ
ถึงแม้ว่าภูเขาไฟจะสร้างความเสียหายมากและเป็นบริเวณกว้าง
ภูเขาไฟก็ยังมีประโยชน์ต่อมนุษย์ด้วย เช่น
1.
ดินบริเวณรอบภูเขาไฟจะมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก
2.
แร่ธาตุต่างๆที่พ่นออกมาจากภูเขาไฟจะกระจายบริเวณรอบๆภูเขาไฟทำให้เหมาะแก่การทำเหมืองแร่
3.ทำให้เกิดเป็นเกาะ
จึงเป็นการเพิ่มเนื้อที่ส่วนที่เป็นพื้นดิน
และนอกจากนี้ยังทำให้แผ่นดินสูงขึ้นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น